เมนู

โสมนัสใดว่า เมื่อเราเสพโสมนัสนี้อยู่ อกุศลธรรมย่อมเจริญมาก กุศลธรรม
ย่อมเสื่อมไป ดังนี้ โสมนัสเห็นปานนั้นไม่ควรเสพ. บุคคลพึงรู้จักโสมนัสใดว่า
เมื่อเราเสพโสมนัสนี้อยู่ อกุศลธรรมย่อมเจริญมากดังนี้ โสมนัสเห็นปานนั้น
ควรเสพ. บรรดาโสมนัสนั้น โสมนัสที่เกิดขึ้นด้วยปฐมฌาน ยังมีวิตกวิจาร
โสมนัสที่ไม่มีวิตกวิจารประณีตกว่า อาตมาภาพกล่าวโสมนัสใดโดยส่วน 2 ว่า
ควรเสพก็มี ไม่ควรเสพก็มี อาตมาภาพกล่าวหมายถึงข้อความดังว่ามาฉะนี้ และ
อาศัยเหตุนี้จึงกล่าวดังนั้น. แม้โทมนัสและอุเบกขา ก็มีลักษณะดังนี้แล ขอ
ถวายพระพร. ภิกษุปฏิบัติอย่างนี้แล ย่อมชื่อว่าเป็นผู้ดำเนินปฏิปทาอันสมควร
และให้ถึงความดับส่วนแห่งสัญญาอันประกอบด้วยปปัญจธรรม.
ท้าวสักกะจอมเทพมีพระหฤทัยชื่นชมเพลิดเพลินอนุโมทนาภาษิตแห่ง
พระผู้มีพระภาคเจ้า ว่า เป็นอย่างนั้น ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นอย่างนั้น
ข้าแต่พระสุคตเจ้า ข้าพระองค์ข้ามพ้นข้อสงสัยอันจะพึงกล่าวว่าเป็นอย่างไร ๆ
แล้ว เพราะได้สดับปัญหาพยากรณ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า.
[258] ท้าวสักกะจอมเทพ ครั้นแล้ว ได้ทูลถามปัญหาต่อไปว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ก็ภิกษุปฏิบัติอย่างไร ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความ
สำรวมในพระปาติโมกข์.
พ. ขอถวายพระพร ก็อาตมภาพย่อมกล่าวกายสมาจาร (มรรยาท
ทางกาย) วจีสมาจาร (มรรยาททางวาจา) และความแสวงหาโดยอย่างละ 2 ๆ
คือที่ควรเสพก็มี ไม่ควรเสพก็มี. นี่อาตมภาพกล่าวถึงข้อความดังว่ามาฉะนี้
และอาศัยอะไรจึงกล่าวดังนั้น บรรดาธรรมเหล่านั้น บุคคลพึงรู้จักกายสมาจาร
วจีสมาจาร และการแสวงหาใดว่า เมื่อเราเสพกายสมาจาร วจีสมาจาร และ
การแสวงหาชนิดนี้แล้ว อกุศลธรรมย่อมเจริญ กุศลธรรมย่อมเสื่อมไป ดังนี้
กายสมาจาร วจีสมาจาร และการแสวงหาเห็นปานนั้น ไม่ควรเสพ. บรรดา